"พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี"
Panichnavee National Museum
เราอยู่จันทบุรีมาเกือบทั้งชีวิต
มาเที่ยวที่นี่แค่ 2 ครั้งเอง ตอนแรกที่ได้รู้จักคิดว่าคงเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ทั่วไป
ที่มีของมาตั้งโชว์ แล้วแปะๆ ข้อมูลอธิบายไว้ แต่พอคุณครูให้ทำรายงานก็เลยต้องมา
เห็นจากตัวอาคารด้านนอกแล้วไม่น่าเข้าซะเลย แต่พอเข้าไปถึงกับตลึง..ทั้งหรูหรา
กว้างขวาง สะอาด
ที่สำคัญมันมีอะไรที่น่าสนใจให้ดูอีกเยอะเลย... (ไม่เบื่ออย่างที่คิดแฮะ)
ถ้าคิดภาพไม่ออก เราเอาคลิปจากยูทูปมาให้ดู จะได้เข้าใจว่ามันมีดียังไง..
พิพิธภัณฑ์ฯพาณิชย์นาวี
เกิดมาจากการที่กรมศิลปากร ได้ตั้งฐานปฏิบัติการโบราณคดีใต้น้ำขึ้น
ที่ท่าแฉลบ
และตั้งศูนย์การอนุรักษ์โบราณวัตถุใต้ทะเลขึ้นที่ ค่ายเนินวง ต.บางกจะ อ.เมือง
จ.จันทบุรี
ซึ่งได้มีการสำรวจทางโบราณคดีใต้น้ำพบโบราณวัตถุจากซากเรือจมในอดีตมากมาย
กอปรกับการที่กองทัพเรือสามารถตรวจจับและยึดโบราณวัตถุจากนักล่าสมบัติใต้ทะเลที่ชาวต่างชาติ
แอบมาลักลอบค้นหาในท้องทะเลไทยได้อยู่เรื่อยๆ
ซึ่งหลังการตรวจยึดก็จะส่งมาให้กรมศิลป์ดูแลรักษา
อาคารพิพิธภัณฑ์ฯพาณิชย์นาวี โทรมเนอะ แต่ข้างในอย่างหรูอ่ะ |
ความที่มีโบราณวัตถุใต้ทะเลอยู่เป็นปริมาณมากนับหมื่นๆชิ้น
กรมศิลป์จึงดำเนินการสร้าง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวีขึ้นในปี พ.ศ. 2537 เพื่อเป็นสถานที่รวบรวมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับงานทางโบราณคดีใต้น้ำ
พร้อมด้วยเรื่องราวของการพาณิชย์นาวีไทย โดยมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ฯ
ขึ้นที่ค่ายเนินวง ค่ายโบราณที่สร้างขึ้นรับศึกญวน (เวียดนาม) ในสมัยรัชกาลที่ 3
ไต้ก๋ง ยืนคุมงานบนดาดฟ้าเรือ |
เรือบรรพนาวินแบ่งเป็น 2 ชั้น
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปในเรือเดินชมห้องต่างๆในชั้นล่างและชั้น 2 ของเรือได้
บนชั้น 2 หรือชั้นบนของเรือ บนนั้นมีองค์ประกอบสำคัญๆของเรือสำเภาโบราณจัดแสดงไว้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ใบเรือ พังงาเรือ ลูกตะเภาสำหรับกันเรือกระแทกที่ทำด้วยหวาย ร่วมด้วยการจัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวเรือสมัยก่อน มีจับกังหรือกุลีหรือจุมโผ่ แบกหามกระสอบสิ่งของต่างๆ มีคนดึงเชือกใบเรือ หรือ ”อาปั๋น” กำลังทำท่าสาวดึงใบเรืออย่างขะมักเขม้น ส่วนไม่ไกลกันมีเฒ่าเต้งมาทำหน้าที่คอยดูแลสมอเรือ โดยมีกัปตันเรือหรือจุ่มจู๊หรือไต้ก๋งยืนคุมคนงานอยู่บนชั้นดาดฟ้าอีกที
บนชั้น 2 หรือชั้นบนของเรือ บนนั้นมีองค์ประกอบสำคัญๆของเรือสำเภาโบราณจัดแสดงไว้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ใบเรือ พังงาเรือ ลูกตะเภาสำหรับกันเรือกระแทกที่ทำด้วยหวาย ร่วมด้วยการจัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวเรือสมัยก่อน มีจับกังหรือกุลีหรือจุมโผ่ แบกหามกระสอบสิ่งของต่างๆ มีคนดึงเชือกใบเรือ หรือ ”อาปั๋น” กำลังทำท่าสาวดึงใบเรืออย่างขะมักเขม้น ส่วนไม่ไกลกันมีเฒ่าเต้งมาทำหน้าที่คอยดูแลสมอเรือ โดยมีกัปตันเรือหรือจุ่มจู๊หรือไต้ก๋งยืนคุมคนงานอยู่บนชั้นดาดฟ้าอีกที
ชาวเรือกับไม้เกาหลังประจำตัว |
จากชั้นบนลงมาต่อกันที่ชั้นล่าง
เป็นส่วนของท้องเรือ ระวางเรือ จัดแสดงสินค้า ไหสี่หูเคลือบน้ำตาลดินของสิงห์บุรี
เครื่องเคลือบสังคโลกเขียวไข่กา ผ้าไหมแพรพรรณที่นำมาจากจีน เครื่องเทศ ไม้ฝาง
และทองแดงที่ซื้อมาเป็นทั้งวัสดุใช้ทำประโยชน์และเป็นอับเฉาเรือไปในตัว
ในชั้นล่างเรือยังมีการจัดแสดงวิถีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายตามอัตภาพของชาวเรือ รวมถึงยังมีสิ่งชวนให้ผมฉงนก็คือ (หุ่น) ชาวเรือ 2-3 คน ต่างมีไม้เกาหลังประจำตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่อธิบายว่า ชาวเรือสมัยก่อนนานๆ จะได้อาบน้ำที ทำให้แต่ละคนเป็นโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน มีอาการคันคะเยออยู่บ่อยครั้ง จึงต้องพกไม้เกาหลังติดตัว เอาไว้ช่วยเกาในส่วนที่มือเอื้อมไปไม่ถึง
ในชั้นล่างเรือยังมีการจัดแสดงวิถีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายตามอัตภาพของชาวเรือ รวมถึงยังมีสิ่งชวนให้ผมฉงนก็คือ (หุ่น) ชาวเรือ 2-3 คน ต่างมีไม้เกาหลังประจำตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่อธิบายว่า ชาวเรือสมัยก่อนนานๆ จะได้อาบน้ำที ทำให้แต่ละคนเป็นโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน มีอาการคันคะเยออยู่บ่อยครั้ง จึงต้องพกไม้เกาหลังติดตัว เอาไว้ช่วยเกาในส่วนที่มือเอื้อมไปไม่ถึง
|
นอกจากไฮไลท์เรือบรรพนาวินแล้ว
ในห้องนี้ยังมีข้าวของเครื่องใช้โบราณที่นำมาจากแหล่งเรือจม
ไม่ว่ะเป็น คันฉ่อง(กระจก) เครื่องถ้วยสังคโลก
เหรียญเงินสมัยราชวงศ์ถัง จี้ทองคำฝังพลอยแดง กำไลข้อมือทองคำ แหนบ กุญแจจีน เบ็ด
ไข่เป็ด ก้างปลา และ ฯลฯ ซึ่งข้าวของโบราณเหล่านี้สันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในช่วงอยุธยาตอนกลางถึงตอนปลาย
หรือเมื่อราวๆ 300-400 ปีที่แล้ว
จากห้องแรกห้องไฮไลท์
ยังมีอีก 5 ห้องที่เหลือให้เดินเที่ยวชมกันได้แก่
“ห้องแนะนำปฏิบัติการโบราณคดีใต้น้ำ”
“ห้องแนะนำปฏิบัติการโบราณคดีใต้น้ำ”
ห้องนี้ให้คำอธิบาย
คำจำกัดความเกี่ยวกับงานทางโบราณดคีใต้น้ำ เริ่มตั้งแต่ประวัติความเป็นมา โบราณคดีใต้น้ำคืออะไร
แตกต่างจากโบราณคดีบนบกอย่างไร
พร้อมกับมีการจำลองวิถีการทำงานของนักโบราณคดีใต้น้ำของทีมงานจากเรือบางกระชัย 4 มาจัดแสดง
“ห้องคลังเก็บโบราณวัตถุ”
เป็นห้องที่แสดงให้เห็นถึงการเก็บรักษาโบราณวัตถุภายในพิพิธภัณฑ์นับหมื่นๆชิ้น
ที่ปกติพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วๆไปจะไม่เปิดเผยความลับ ของดี
แบบนี้ให้คนทั่วไปชม แต่ที่นี่เขาเปิดช่องกระจกให้ชมกันเป็นบุญตา
“ห้องแสดงเรือและชีวิตชาวเรือ”
ห้องนี้จัดแสดงเรือประเภทต่างๆในบ้านเรา
ทั้งเรือขุดและเรือต่อ เท่าที่จะหาได้ ทำเป็นโมเดลเรือจำลอง
ย่อสัดส่วนขนาดตามของจริงลงมา มีทั้ง เรือพระราชพิธี เรือรบสมัยใหม่ เรือสำเภา
และเรือพื้นบ้านที่บางลำกลายเป็นตำนาน บางลำหาดูได้ยากเต็มทีในยุคนี้ พ.ศ.นี้ อาทิ
เรือผีหลอก เรือพายม้า เรือหมู เรือแม่ปะ เรือหางแมงป่อง เรือสำเภา เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีซากเรือโบราณอายุประมาณ 200
ปี ขุดขึ้นมามาจากไม้ตะเคียนต้นเดียวแต่ว่ายังขุดไม่เสร็จ
ซึ่งสันนิษฐานว่าที่ไม่อาจขุดเรือลำนี้ให้เสร็จลงได้ อาจเกิดจากการที่ชุมชนที่ขุดเรือโยกย้ายถิ่นฐานไปเสียก่อน
เกิดจากการขึ้นรูปเรือผิดพลาดจนไม่สามารถขุดลุล่วงให้เป็นเรือได้
หรืออาจเกิดจากความแรงความเฮี้ยนของไม้ตะเคียน
“ห้องของดีเมืองจันท์”
“ห้องของดีเมืองจันท์”
จัดแสดงของดีเมืองจันท์ที่เราๆคุ้นชื่อ อาทิ พลอย
ผลไม้ เสื่อ ฯลฯ และประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองนี้
ร่วมด้วยเรื่องราวทางชาติพันธุ์ของ“ชาวชอง” ชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิมของเมืองจันท์
“ห้องบุคคลสำคัญ”
“ห้องบุคคลสำคัญ”
เป็นห้องที่รำลึก
เชิดชูพระมหาวีรกรรมขององค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เน้นไปที่
การทำสงครามเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2 เริ่มตั้งแต่เส้นทางเดินทัพเมื่อคราวมารวบรวมพลที่จันทบุรี
ใครแวะมาเที่ยวจันทบุรี
ก็อย่าลืมแวะมาเที่ยวที่นี่ได้นะ
รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน เรามีที่อยู่มาให้
เผื่อว่าอยากจะลองมาเที่ยวดู อิอิ
ตั้งอยู่ที่ หมู่ 8 ค่ายเนินวง ต.บางกะจะ อ.เมือง จ.จันทบุรี
เปิดทำการตั้งแต่วันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น.
ค่าธรรมเนียมเข้าชม คนไทย 20 บาท ต่างชาติ 100 บาท
นักเรียน นักศึกษา ในเครื่องแบบ
และพระภิกษุสามเณร ไม่เสียค่าเข้าชม
ซึ่งผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-3939-1431,0-3939-1433