16/2/55

นศ.มีความรู้ภาษาอังกฤษเทียบเท่าเด็กประถม !



เรื่องราวในวันนี้อาจจะเป็นทางการไปนิดหน่อย ไม่มีเรื่องไร้สาระจะอัพแล้ว 55
พอดีเพิ่งทำงานเขียนรายงานพิเศษส่งอาจารย์ไป เลยเอามาโพสให้อ่านกัน 
มันเป็นความจริงที่ทุกคนต้องยอมรับเลยหละว่าเรา "อ่อน" จริงๆ
ลองอ่านดู อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุด แต่ก็ตั้งใจเขียนอย่างดีที่สุดแล้ว




ความรู้ภาษาอังกฤษ
ของนักศึกษาเทียบเท่าเด็กประถม

ภาษาอังกฤษ”  ถือว่าเป็นภาษากลางที่คนทั่วโลกควรจะใช้ให้ได้ และเป็นสิ่งที่จำเป็นไม่น้อยสำหรับโลกไร้พรมแดนในยุคนี้ เพราะเป็นภาษาที่สำคัญมากที่หลายประเทศทั่วโลกใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน แต่ก็น่าแปลก ทั้งๆ ที่รัฐบาลบังคับวิชาภาษาอังกฤษอยู่ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่คนไทยอีกจำนวนมากสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้เลย


ในหลายปีที่ผ่านมา ระบบการศึกษาของไทยได้ให้ความสำคัญกับการสอนภาษาอังกฤษมากขึ้น เห็นได้จากการเปิดสอนหลักสูตรสองภาษาในห้องเรียน หรือการจ้างครูสอนอังกฤษจากเจ้าของภาษาโดยตรง แต่ผลที่ออกมากลับไม่เป็นไปตามความคาดหมาย เพราะเด็กไทยไม่ได้ให้ความสนใจหรือฝึกฝนมากเท่าที่ควรจะเป็นเพราะคิดว่าไม่ใช่ภาษาบ้านเรา หรือแม้กระทั่งนักศึกษาระดับปริญญาก็ยังมีพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษน้อยมากและไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษอีกด้วย

พูดถึงการสอนภาษาอังกฤษในระดับอุดม ศึกษาหรือมหาวิทยาลัย  อาจารย์ส่วนใหญ่พอมีทักษะความรู้ในการสอนในระดับที่ดี  แต่อาจารย์มหาลัยหลายท่านที่มีทัศนคติว่า การสอนนักศึกษาที่มีวัยวุฒิมากพอคงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปคอยใส่ใจทีละคนๆ เหมือนกับเด็กประถม จะเข้าใจภาษาอังกฤษได้มากน้อยแค่ไหนก็เป็นเรื่องของนักศึกษาเอง จึงไม่ให้ความสำคัญกับการสอนมากนัก และอีกหนึ่งปัจจัยคือการคัดสรรหาคนที่จะมาสอนภาษาอังกฤษในระดับมหาวิทยาลัยนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะหนึ่งการเป็นครูได้ผลตอบแทนน้อย และสองคนที่เข้าใจภาษาอังกฤษและสามารถสอนให้เข้าใจได้จริงๆ นั้นหายาก

เรื่องทักษะด้านการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของนักศึกษาไทยปัจจุบันยังถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ เนื่องจากนักศึกษาไทยส่วนใหญ่จะชอบการท่องจำ และเรียนเพื่อให้ได้คะแนนสอบมากกว่า ซึ่งไม่ต่างจากเด็กประถมหรือมัธยมแต่อย่างใด แต่เรื่องการฟังหรือพูดไม่สามารถทำได้เลย และเมื่อเรียนจบมักมีปัญหาในการสื่อสารและการสมัครเข้าทำงาน เพราะสมัยนี้บริษัทหลายแห่งเปิดต้อนรับแต่นักศึกษาที่เก่งภาษาอังกฤษเท่านั้นหรือบางบริษัทจะพิจารณาเรื่องภาษาอังกฤษก่อนที่จะดูผลการเรียนเสียอีก เข้าทำนองที่ว่า “ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง แค่พูดอังกฤษได้ก็พอ เรื่องอย่างอื่นสามารถฝึกทีหลังได้” ประมาณนั้น

มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เด็กไทยไม่เก่งอังกฤษ 1. ประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ จึงไม่มีพื้นฐานทางภาษาหรือมีการเรียนการสอนโดยใช้ภาษาอังกฤษมาตั้งแต่แรก ส่วนประเทศที่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน ต่างก็มีพื้นฐานด้านภาษามาแล้วทั้งนั้น จึงไม่แปลกหากเด็กไทยจะขาดพื้นฐานความรู้ในด้านนี้ 2. ใช่ว่าเด็กไทยจะไม่เก่งภาษาอังกฤษฝ่ายเดียว ผู้ใหญ่หลายท่านโดยเฉพาะอาชีพครู ก็พูดหรือเขียนอังกฤษได้ไม่คล่องเช่นกัน และครูเองก็ไม่รู้ถึงวิธีการพูดอังกฤษอย่างถูกต้อง จึงไม่กล้าที่จะสอน ก็เลยสอนไม่ได้ และยังคงใช้วิธีการสอนแบบเดิมๆ คือสอนตามตำรา หรือการท่องศัพท์แปลอังกฤษเป็นไทย 3. การเรียนภาษาอังกฤษของเด็กไทยถือว่ายังไม่ตรงเป้าหมายนัก เพราะเด็กได้รับการสอนแบบท่องจำมากกว่าการสอนแบบพูดเพื่อความเข้าใจ 4. ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาพื้นฐานของคนไทย เมื่อเวลาคนไทยพูดอังกฤษ มักถูกคนรอบข้างมองว่าเป็นเรื่องตลก ทำให้เด็กไทยไม่กล้าพูดอังกฤษ ไม่กล้าออกสำเนียง และก็เลิกพูดในที่สุด 5. เด็กไทยเรียนภาษาเพื่อการสอบอย่างเดียว ไม่ได้เรียนเพื่อการสื่อสารหรือการดำรงชีวิตแต่อย่างใด จึงไม่ให้ความสำคัญมากนัก

นางสาวรัตนาพร กุลกิจ นักศึกษาปี 1 สาขาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.สวนสุนันทา กล่าวว่า “โดยส่วนตัวชอบภาษาอังกฤษแต่ไม่เก่ง จึงเลือกเรียนสาขานี้เพื่อเพิ่มความรู้ให้กับตัวเองและคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องจำเป็นมาก ยิ่งในสังคมที่เจริญขึ้นทุกวัน มันทำให้เรามีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่น บางคนมองว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อจึงไม่สนใจ แต่จริงๆแล้วไม่ยากเลยหากเราตั้งใจ แค่เรากล้าพูด อย่าอาย จะผิดจะถูกค่อยว่ากัน จำคำศัพท์ให้เยอะๆ เราไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งประโยค รู้เพียงบางคำในประโยค ก็ทำให้เข้าใจเรื่องนั้นๆ ได้ ฟัดฟังหรือพูดบ่อยๆ ให้ชิน อย่างเช่นเวลาดูหนังฝรั่ง ก็อาจจะเลือกดูระบบ Soundtrack เราจะได้ทั้งคำศัพท์และสำเนียงเลยคะ”

นายประไณย สร้อยสังวาลย์ นักศึกษาชั้นปี 3 คณะเกษตรศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ (บางเขน) เป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสไปเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ เขาพูดถึงความสำคัญของการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตจริงว่า “ตอนแรกผมคิดว่าการมาเรียนเมืองนอกคงไม่ยากอะไร เพราะเรามากับเพื่อนคนไทยด้วยกัน เรื่องภาษาอังกฤษคงไม่สำคัญนัก ผมจึงไม่ได้เตรียมตัวมาเลย แต่พอผมมาใช้ชีวิตที่เมืองนอกจริงๆ ผมถึงได้รู้ว่า ภาษาอังกฤษมันสำคัญกับการใช้ชีวิตในต่างแดนมากๆ เพราะเราไม่ได้อยู่กับเพื่อนตลอดเวลา และอีกอย่างผมไม่สามารถไปไหนได้เลยถ้าไม่มีเพื่อน ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดเราต้องรู้คำศัพท์เป็นร้อยๆ คำถึงพอจะพูดแบบถูไถได้ แต่การสื่อสารแบบถูไถไปในแต่ละครั้งมันได้ผลก็จริง แต่มันเป็นการสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพ และมันทำให้ผู้ที่รับสารจากเรา ตอบสนองเราผิดวัตถุประสงค์  ผมต้องเริ่มเรียนรู้ศัพท์ทุกวันๆ หลังเลิกเรียน เมื่อสัมผัสกับศัพท์เหล่านั้นบ่อยๆ ผมก็ใช้มันได้อย่างอัตโนมัติ  หลายคนชอบคิดว่า โครงสร้างของภาษาไม่สำคัญ แต่จริงๆ แล้วสำคัญมากๆ อยากจะแนะนำให้คนที่อยากพูดอังกฤษเก่งๆ แค่เริ่มจากการใช้ is am are หรือ verb ช่วยให้ถูกต้องเท่านั้น ฝึกฝนบ่อยๆ เพราะถ้าวันหนึ่งมีโอกาสดีดีเข้ามาหาเรา แต่เรากลับชวดโอกาสนั้นไปเพียงเพราะสอบตกเรื่องภาษา ก็คงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากครับ”

Ms.Jennifer Cator&Mr.Glen Milton Craigie  อาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ประจำสาขานิเทศศาสตร์ และเป็นเจ้าของภาษาโดยตรง ให้ความเห็นในเรื่องนี้คล้ายๆกันว่า เหตุที่ทำให้นักศึกษาไทยด้อยภาษาอังกฤษเพราะเด็กไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก ให้การบ้านก็ลอกเพื่อนมาส่ง ไม่มีความขยันและใฝ่รู้ในด้านนี้ เหมือนเป็นการกั้นกำแพงให้กับตัวเอง ควรจะพยายามและใส่ใจมากกว่านี้ถามถึงเทคนิคในการสอนให้นักศึกษาเข้าใจ? “เริ่มสอนจากขั้นพื้นฐานที่สุด สอนในเรื่องง่ายๆ แต่นักศึกษาก็ยังไม่เข้าใจ และตนพยายามถามนักศึกษาในสิ่งที่ไม่เข้าใจ แต่นักศึกษาเองไม่เข้าใจคำถาม และก็ไม่เคยถามอาจารย์ในสิ่งที่สงสัยจึงไม่ได้คำตอบ พอไม่มีคำตอบ ก็กลายเป็นความไม่เข้าใจต่อไป”


โพสนี้ดูเป็นคนมีสาระขึ้นมาทันตาเห็น 555
เจอกันโพสหน้า จะพยายามหาเรื่องเบาสมองมาให้อ่านเน้ออ !

1 ความคิดเห็น: